ฮาแวร์ทซส่อ

ฮาแวร์ทซส่อ ตั้งแต่แมื่อที่ “เสี่ยหมี” โรมัน อับราโมวิช มหาเศรษฐีชาวรัสเซียเข้ามาเทคโอเวอร์สมาคม เชลซี ตั้งแต่ปี 2003

ฮาแวร์ทซส่อ “สิงห์บลูส์” ก็แปลงเป็นหนึ่งในชมรมเงินถุงเงินถังที่ทุ่มซื้อสตาร์ดังเข้ามาเสริมแต่งกลุ่มแล้วมากมาย แม้กระนั้นถึงกระนั้นบรรดาสตาร์พวกนี้ก็มีหลายๆคนที่จะต้องเอาชื่อมาทิ้งเอาไว้ หลังไม่อาจจะเรียกฟอร์มเก่งออกมาได้ กระทั่งแปลงเป็นดีลที่ยอดห่วยแตกของสมาพันธ์

ฮาแวร์ทซส่อ

เช่นเดียวกับเมื่อตอนซัมเมอร์ที่ผ่านมาทัพ “สิงโตน้ำเงินคราม” ของผู้จัดการทีม แฟร้งค์ แลมพาร์ด ก็จัดแจงทุ่มเงินพรั่งพร้อมดึงสตาร์ดังเข้ามาเสริมกองทัพหลายราย ข่าวลิเวอร์พูล

โดยเฉพาะคู่คิดกลุ่มชาติเยอรมันอย่าง ติโม แวร์เนอร์ ศูนย์หน้าจาก แอร์เบ ไลป์ซิกข์ รวมทั้ง ไค ฮาแวร์ทซ กองกลางจาก ไบเออร์ เลเวอร์คูบวงสรวง ที่โดนจับตามองเป็นอย่างมาก หลังทั้งคู่มีค่าตัวรวมกันมากถึง 119 ล้านปอนด์ (ราวๆ 4,800 ล้านบาท)

อย่างไรก็ตามผลงานของพวกเขากลับไม่เป็นไปตามที่แฟนคลับมุ่งมาดไว้ กระทั่งโดนวิจารณ์อย่างมากว่าเป็นการซื้อที่ล้มเหลวของสมาพันธ์เลยทีเดียว แล้วก็มีโอกาสอาจสะกดรอยอดีตกาลแข้งเหล่านี้ได้

ภายหลังอดีตดาวยิงชาวยูเครนผงาดคว้ารางวัล บัลลงดอร์ ในปี 2004 จากการโชว์ฟอร์มสุดโหดได้กับ เอซี มิลาน รวมทั้งเป็นเลิศในศูนย์หน้าระดับพระกาฬของโลกเวลานี้ กระทั่งปี 2006 เชลซี ยอมทุ่มเงินมากถึง 30 ล้านปอนด์ พร้อมเป็นสถิติสูงสุดบนเกาะอังกฤษในตอนนั้นดึงตัว เชว่า เข้ามาเสริมกองทัพ

แต่ทางในแดนผู้ดีกลับเป็นฝันร้ายของเจ้าตัว หลังจากไม่อาจจะแงะฟอร์มยอดเยี่ยมออกมาได้เลย แถมยังโดนอาการบาดเจ็บเข้าซ้ำก็อีกหลายที โดยฝากผลงานกับกลุ่มไว้ที่ 9 ประตูแค่นั้น จากการลงเล่นเกมลีก 48 นัด ก่อนที่จะคัมแบ็กสู่ ดินาโม เคียฟ สังกัดเดิมแรกในชีวิตการค้าแข้ง

นับจากที่ “เอล นินโญ่” ย้ายจาก แอตเลติโก มาดริด มาเล่นให้กับ ลิเวอร์พูล เจ้าตัวก็ใช้เวลาปรับตัวในอังกฤษเพียงเดือนเดียวแค่นั้น ก็สามารถระเบิดแฮตทริกแรก ก่อนกลายร่างเป็นเครื่องจักรกระหน่ำประตูให้กับ “ลิเวอร์พูล” และก็ขึ้นชั้นเป็นศูนย์หน้าขวัญใจสาวก “เดอะค็อป” ไปอย่างง่ายดาย พร้อมกลายเป็นแข้งเนื้อหอมที่หลายทีมยักษ์ใหญ่จ้องมองพรากตัวไป

ฮาแวร์ทซส่อ

หนึ่งในนั้นเป็น เชลซี ก่อนที่จะประสบความสำเร็จได้ตัวไปร่วมกลุ่มในปี 2011 ด้วยค่าตัวสถิติใหม่ในบนเกาะอังกฤษอีกรอบในราคา 50 ล้านปอนด์ พร้อมได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากแฟนบอลที่คาดหวังมองเห็นเขามายิงประตูได้อย่างถล่มทลาย

แต่ว่าถึงกระนั้นศูนย์หน้าสแปนิช จำต้องพบกับตอนที่ยากลำบากในถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ แม้ว่าจะมีส่วนกับการได้แชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ปี 2012 แต่ว่าผลงานโดยรวมนับว่าสอบตก ข้างหลังทำเป็นเพียง 20 ประตูจากการลงเล่น 110 นัดหมายแค่นั้น

ในยุคที่อดีตมิดฟิลด์ชาวอาร์เจนไตน์ยังโลดแล่นอยู่ในกัลโช่ เซเรีย อา กับ ซามพ์โดเรีย, ปาร์ม่า รวมทั้ง ลาซิโอ เขาได้รับการตั้งชื่อให้ยอดเยี่ยมในยอดเยี่ยมมิดฟิลด์สุดยอด เป็นอย่างยิ่งสำคัญให้ทั้งยังสมาคมและก็ในชื่อกลุ่มชาติ

แน่ๆเกี่ยวกับความยอดเยี่ยมของเจ้าตัวทำให้ได้รับความสนใจจากหลายทีมชั้นแนวหน้าทั่วยุโรป ทว่าเขากลับเอาตัวไม่รอดเมื่อย้ายมาโลดแล่นในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เริ่มตั้งแต่การย้ายมาอยู่กับ แมนฯ ยูไนเต็ด ถึงแม้ได้แชมป์ลีก 1 ยุค ตลอดระยะเวลา 2 ฤดู แต่ว่าด้วยความหนักของบอลอังกฤษ ทำให้ เวรอน สู้ไม่ไหว แล้วก็มีปัญหาเจ็บก่อกวนเป็นระยะ จนกระทั่งไม่อาจจะคาดคั้นศักยภาพที่แท้จริงออกมาได้

แค่นั้นพอเพียงจากนั้นเมื่อเจ้าตัวย้ายมาเล่นให้ เชลซี ในปี 2003 เขาก็ยังประสบปัญหาอาการบาดเจ็บทำร้าย จนได้ลงเล่นรวมทุกรายการเพียงแค่ 14 นัดแค่นั้น ก่อนคัมแบ็กสู่เวที เซเรีย อา อีกรอบในช่วงฤดูกาลถัดมา ทิ้งโอกาสเอาชนะ

หัวหอกเลือดฟ้า-ขาวเป็นหนึ่งในแนวรุกระดับหัวแถวของโลกเวลานี้ ซึ่งนับว่าเป็นดีลที่สร้างความฮือฮาได้ไม่น้อยที่ เชลซี สามารถคว้าเจ้าตัวมาจาก อินเตอร์ มิลาน เมื่อปี 2003 แม้กระนั้นแต่กระนั้นยอดศูนย์หน้าชาวอาร์เจนไตน์ ทำเป็นเพียงแค่ 12 ประตู จาก 31 เกมในช่วงฤดูกาลแรก

ก่อนถูกปล่อยตัวให้ เอซี มิลาน ยืมใช้งานในช่วงฤดูกาลถัดมา และก็หากแม้กลับมาเล่นให้ “สิงห์บลูส์” อีกรอบในฤดูกาล 2005/06 แม้กระนั้นก็ยังไม่เวิร์ค (ทำ 13 ประตู จาก 42 เกม) ก่อนถูกปล่อยเนื้อปล่อยตัวกลับไปให้ อินเตอร์ ยืมใช้งาน 2 ฤดู และก็ขายขาดในปี 2008

ศูนย์หน้าชาวสแปนิชถูกตั้งความหวังไว้มากมายเมื่อย้ายจาก เรอัล มาดริด มาอยู่กับ เชลซี ด้วยค่าตัวมากมาย ถึง 65 ล้านปอนด์ แต่ว่าผลงานของเจ้าตัวกลับไม่แจ่มอย่างที่หวัง โดยฤดู 2017/18 โมราต้า ทำแต้มในลีกได้เพียงแค่ 11 ลูก จาก 31 นัดหมาย รวมทั้งฤดูถัดมาทำเป็นเพียงแค่ 5 ลูก จาก 16 นัดหมาย ก่อนถูกปล่อยตัวให้ “ตราหมี” ยืมใช้งานกลางซีซั่นดังกล่าว ก่อนที่จะถูกขายขาดออกไปในในที่สุด

แฟร้งค์ แลมพาร์ด ผู้จัดการทีม เชลซี ยอดชมรมที่เวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ แสดงความหวังว่า ไค ฮาแวร์ทซ์ แนวรุกชาวเยอรมันจะลงเล่นได้ในเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กรุ๊ป อี นัดหมายเยี่ยม แรนส์ วันอังคารที่ 24 พ.ย.นี้

ฮาแวร์ทซ์ ถูกตรวจเจอว่าติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในตอนไม่นานก่อนเกมที่ เชลซี เปิดบ้านชนะ แรนส์ 3-0 ซึ่งเขาก็ต้องรับการกักตัวอยู่ที่บ้านจนกระทั่งสัปดาห์ก่อน โดยเป็นที่เชื่อว่าภายหลังจากไม่มีไข้แล้วนั้นเขาก็เรียกความฟิตให้ตนเองด้วยการขี่จักรยานอยู่ที่บ้าน

“ผมหวังว่าเขาจะลงเล่นไหว เขากลับมาฝึกแบบตัวผู้เดียวได้ราว 2-3 วันแล้ว เขาดูดีเลยทีเดียว ไค มีความฟิตที่ดี ผมหวังว่าจะพาเขาเดินทางไป แรนส์ พร้อมด้วยพวกเราในวันอังคารนี้ได้ อาจจะให้เขาได้ลงเล่นสักหน่อย ผมไม่มั่นใจหรอกนะว่าเขาจะได้เล่นเยอะแค่ไหน เพราะที่ผ่านมาเขาจำเป็นต้องกักบริเวณนาน 2 อาทิตย์ร่วมกัน แต่ตอนนี้เขามองมีภาวะดีเลยทีเดียว” แลมพาร์ด กำหนด

ศึกบอล เอฟเอ คัพ รอบ 3 ทุกวันอาทิตย์ที่ 10 มกราคม เป็นเกม “สิงโตสีน้ำเงินคราม” เชลซี เปิดบ้านต้อนรับ มอร์แคมบ์ กลุ่มจากลีก ทู โดย แฟรงค์ แลมพาร์ด ส่ง ฮาคิม ซิเย็ค, คัลลัม ฮัดสัน-โอดอย แล้วก็ ติโม แวร์เนอร์ พอดีจริงประสาน

เริ่มเกมครึ่งหลัง มาในนาที 49 เชลซีบวกเพิ่มลูกที่ 3 จากจังหวะตักบอลข้ามหัวกองหลังของ ซิเย็ค น้ำหนักบอลประจวบเหมาะที่จะให้ คัลลัม ฮัดสัน-โอดอย วิ่งหลุดกับล้ำหน้ามาเล่นบอลได้อย่างพอดิบพอดี ก่อนที่เจ้าตัวจะดูดบอลลงด้วยซ้ายแล้วยิงด้วยขวาผ่านมือผู้รักษาประตูเข้าไปอย่างยอดเยี่ยม

ไม่มีประตูเพิ่มอีกต่อไป ผู้ตัดสินเป่านกหวีดหมดเวลาการแข่งขัน จบเกม เชลซี ได้ไปต่อ เปิดรัง สแตมฟอร์ด บริดจ์ ถล่ม มอร์แคมบ์ 4-0 พร้อมทะยานเข้าไปเล่นเอฟเอ คัพ รอบ 4 ต่อไป

By admins

You missed