ท็อปฟอร์มทั้งคู่

ท็อปฟอร์มทั้งคู่ เกมพรีเมียร์ลีกอังกฤษ นัดที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะเปิดรัง เอติฮัด สเตเดี้ยม เจอกับลิเวอร์พูล

ท็อปฟอร์มทั้งคู่ เกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดที่แมนเชสเตอร์ซิตี้ จะเปิดรัง เอติฮัด สเตเดี้ยม เจอกับ ลิเวอร์พูล ถือเป็นเกมที่ได้รับความสนใจจากหลายคน เพราะตอนนี้ “เรือใบสีฟ้า” ที่เป็นจ่าฝูง นำหน้า “หงส์แดง” อยู่เพียง 1 คะแนนเท่านั้น

ทำให้เกมนี้จะมีความสำคัญอย่างมากในการตัดสินแชมป์ลีกประจำฤดูกาล 2021-22 ทั้งนี้แมนฯซิตี้ กับลิเวอร์พูล ชุดช่วงหลายฤดูกาลที่ผ่านมาถูกยกให้เป็นคู่ปรับเบอร์ 1 ของวงการฟุตบอลเมืองผู้ดีด้วย จากการที่พวกเขาต่างก็มีเกมรุกที่น่าตื่นตาตื่นใจ

ไปจนถึงการที่ต่างฝ่ายต่างก็มีกุนซือชั้นยอดเป็นคนวางหมากให้กับทีม ซึ่งหากอ้างอิงจาก ใครได้คะแนน 2 เว็บไซต์ด้านสถิติแล้วนั้น มันก็จะเห็นว่าผลงานหลายด้านกับการเล่นเกมลีกประจำฤดูกาลนี้ของพวกเขาขับเคี่ยวสูสีกันในกลุ่มท็อปๆ เหมือนกัน

การผ่านบอล โจเซป กวาร์ดิโอล่า ผู้จัดการทีม แมนฯซิตี้ขึ้นชื่อลือชาเรื่องการให้ทีมของเขาเน้นการผ่านบอลกันอย่างเป็นระบบเพื่อที่จะสร้างเกมรุกอันไหลลื่น ซึ่งก่อนถึงโปรแกรมสุดสัปดาห์นี้ของ พรีเมียร์ลีก นั้น ทีมของเขาก็นับเป็นทีมที่มีเปอร์เซ็นต์

ผ่านบอลเข้าเป้ามากที่สุดด้วยจำนวนสูงถึง 89.8 เปอร์เซ็นต์ด้วยกัน ขณะที่ลิเวอร์พูล ของ เจอร์เก้น คล็อปป์ถือเป็นทีมที่ผ่านบอลเข้าเป้ามากเป็นอันดับ 4 ในซีซั่นนี้ ด้วยตัวเลข 84.3 เปอร์เซ็นต์ แน่นอนว่าตัวเลขตรงนี้ของพวกเขาห่างจากแมนฯซิตี้ ในระดับหนึ่ง

แต่เชื่อหรือไม่ว่าหากดูเฉพาะการผ่านบอลที่เป็นจังหวะสำคัญ หรือการผ่านบอลที่นำไปสู่จังหวะการลุ้นประตูแล้วล่ะก็ ทีมของ คล็อปป์นำเป็นอันดับ 1 ของลีกในตอนนี้ ด้วยค่าเฉลี่ย 13.9 ครั้งต่อนัด โดยที่ แมนฯซิตี้ ตามมาติดๆ เป็นอันดับ 2 ที่ 13.8 หนต่อเกม

ในด้านการผ่านบอลเข้าไปในพื้นที่กรอบเขตโทษนั้น แมนฯซิตี้นำเป็นที่ 1 ของลีกด้วยจำนวน 438 ครั้ง ส่วนลิเวอร์พูล ตามมาเป็นอันดับ 2 ที่จำนวน 404หน ถึงกระนั้นจำนวนรวมการแอสซิสต์ ทีมของ คล็อปป์ทำได้เยอะกว่าด้วยจำนวน 56ครั้ง จนเป็นที่ 1 ของลีก ส่วนแมนฯซิตี้ เป็นที่ 2 ของลีกจากการทำไปรวมแล้ว 42แอสซิสต์ ข่าวลิเวอร์พูล ล่าสุด

ท็อปฟอร์มทั้งคู่

ทำให้เกมนี้จะมีความสำคัญอย่างมากในการตัดสินแชมป์ลีกประจำฤดูกาล 2021-22

ท็อปฟอร์มทั้งคู่ การกดดันคู่แข่ง เกมฟุตบอลนั้นการกดดันไม่ได้ใช้เฉพาะในแดนของตัวเองเท่านั้น เพราะหากกดดันคู่แข่งตั้งแต่ที่บอลยังอยู่ในฝั่งของอีกฝ่ายได้มันก็จะทำให้ทีมมีโอกาสได้ประตูสูง ซึ่งจนถึงตอนนี้ ลิเวอร์พูลเป็นทีมที่มีเปอร์เซ็นต์การกดดันคู่แข่ง

จนทำให้อีกฝ่ายเสียบอลได้ดีที่สุดเป็นอันดับ 2 ของลีก ด้วยจำนวน 32.3 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว ทางฝั่งแมนฯซิตี้ ผลงานของวพวกเขาตรงจุดนี้ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าทีมดังของย่านเมอร์ซี่ย์ไซด์เท่าไหร่นัก เพราะความสำเร็จในการกดดันคู่แข่งของพวกเขา อยู่ที่ 32 เปอร์เซ็นต์เป๊ะๆ

จนถือเป็นอันดับ 3 ของลีก ส่วนทีมที่มีเปอร์เซ็นต์กดดันคู่แข่งได้ดีที่สุดของลีกนั้นคือ ไบรท์ตันฯ ที่ทำได้ 32.6 เปอร์เซ็นต์ เกมรับ
6.50 ครั้งต่อนัด คือค่าเฉลี่ยจำนวนครั้งที่แมนฯซิตี้ ปล่อยให้คู่แข่งมีโอกาสได้ยิงตลอดการเล่นเกมลีกในฤดูกาลนี้

นั่นทำให้พวกเขาเป็นทีมที่ปล่อยให้คู่แข่งมีจังหวะลุ้นทำประตูน้อยที่สุดเป็นอันดับ 1 ของลีก ดังนั้นมันจึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ตอนนี้พวกเขาจะเป็นทีมที่เสียประตูน้อยที่สุดในลีกด้วยจากการโดนสอยตาข่ายไปเพียง 18ครั้ง อย่างไรก็ตาม ลิเวอร์พูลก็ตามมาติดๆ เป็นอันดับ 2

ในทั้ง 2 ด้านที่ว่า หลังจากพวกเขาปล่อยให้คู่แข่งได้ลุ้นประตูเฉลี่ยแล้วแค่ 8.23 ครั้งต่อเกม จนทำให้ตอนนี้เสียไปเพียง 20 ประตูเท่านั้น และตอนนี้ทั้ง 2 ทีมก็เก็บคลีนชีทได้มากที่สุดเป็นอันดับ 1 ของลีกร่วมกันด้วย ที่จำนวน 18เกม ลูกกลางอากาศ

แมนฯซิตี้ กับลิเวอร์พูล ไม่ได้โดดเด่นแค่ในด้านการต่อเกมบนพื้นเท่านั้น พวกเขายังเล่นได้น่าประทับใจในด้านลูกกลางอากาศด้วย เพราะว่าตอนนี้ ลิเวอร์พูลเป็นทีมที่มีเปอร์เซ็นต์ชนะการดวลลูกกลางอากาศมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของลีกที่จำนวน 54เปอร์เซ็นต์

ส่วนแมนฯซิตี้ ตามหายใจรดต้นคอที่ 53.9เปอร์เซ็นต์ โดยที่ 1 คือแมนฯยูไนเต็ด ที่ทำไป 55.7เปอร์เซ็นต์ การยิง อย่างที่บอกไปในเบื้องต้นว่าทั้งคู่ต่างก็เป็นทีมที่มีเกมรุกดีเป็นลำดับต้นๆ ของเกาะอังกฤษในช่วงหลายฤดูกาลที่ผ่านมา

การที่ลิเวอร์พูล คือทีมที่ยิงในลีกได้มากที่สุดในตอนนี้ด้วยจำนวน 77ลูก โดยมีแมนฯซิตี้ ตามมาเป็นที่ 2 ด้วยตัวเลข 70 ประตูถือเป็นหนึ่งในสิ่งที่ช่วยยืนยันถึงเรื่องนั้นได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ ลิเวอร์พูลยังเป็นทีมที่มีจังหวะลุ้นประตูเฉลี่ยต่อ 1 นัดสูงที่สุดของลีก ในตอนนี้ด้วย

ท็อปฟอร์มทั้งคู่ จากค่าเฉลี่ยการได้ยิง 19.2 ครั้งต่อ 1เกม โดยที่ 2 ก็เป็นแมนฯซิตี้ ซึ่งทำได้ 18.5 ครั้งต่อนัด ส่วนถ้าวัดเฉพาะการยิงตรงกรอบนั้น ลิเวอร์พูลก็นำเป็นอันดับ 1 ด้วยผลงาน 7 ครั้งต่อเกม ขณะที่แมนฯซิตี้ ทำได้ 6.8 หนต่อนัด เลวานคือฮีโร่

By admins

You missed