ทุ่มเงินหนัก ลิเวอร์พูลใกล้จะเซ็นสัญญากับ ดาร์วิน นูนเญซ หัวหอกฟอร์มแรงชาวอุรุกวัยจากเบนฟิก้า ด้วยค่าตัวเป็นสถิติสโมสรถึง 85ล้านปอนด์
ทุ่มเงินหนัก ลิเวอร์พูลใกล้จะเซ็นสัญญากับ ดาร์วิน นูนเญซ หัวหอกฟอร์มแรงชาวอุรุกวัยจากเบนฟิก้า ด้วยค่าตัวเป็นสถิติสโมสรถึง 85 ล้านปอนด์ เลยทีเดียว เจอร์เก้น คล็อปป์ พยายามที่จะหานักเตะใหม่เพื่อมาทดแทน ซาดิโอ มาเน่ ที่เตรียมจะย้ายไปเล่นกับ บาเยิร์น มิวนิค ในเร็วๆ นี้
โดยนูนเญซ มีคุณสมบัติที่เหมาะสมที่สุด โดยเฉพาะผลงานเมื่อซีซั่นที่ผ่านมา ที่ตะบันไปถึง 34 ประตูกับ 4 แอสซิสต์ จากการเล่น 41 เกมในทุกรายการ ดาวยิงวัย 22ปี โชว์ฟอร์มได้อย่างสุดยอดต่อหน้า คล็อปป์มาแล้วในเกมยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก ที่เบนฟิก้า ปะทะลิเวอร์พูล ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย
ซึ่งแน่นอนว่านี่คือหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ทำให้ กุนซือชาวเยอรมัน อยากได้ตัวเขามาร่วมทีม แน่นอนว่า “สาวก เดอะ ค็อป” คาดหวังอะไรมากมายจาก อดีตแข้งอัลเมเรีย แต่ก่อนหน้านี้ ลิเวอร์พูลก็เคยทุ่มเงินซื้อกองหน้าเป็นสถิติสโมสรมาแล้ว และผลตอบรับก็มีทั้งสมหวัง และผิดหวังเช่นกัน !!
สแตน คอลลีมอร์ 8.5ล้านปอนด์ ปี1995 ตอนนั้นหงส์แดง สร้างความฮือฮาอย่างมากในการทุ่มเงินสูงถึง 8.5 ล้านปอนด์เพื่อคว้าหน้าเป้าฟอร์มฮอต หลังจากที่เขาระเบิดผลงานยิงกระจุยให้กับ น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ จำนวนตัวเลขในเวลานั้นถือเป็นสถิติการย้ายทีมที่แพงที่สุดในประเทศอังกฤษ
ทำลายสถิติของ แอนดี้ โคล ที่ย้ายจาก “สาลิกาดง” นิวคาสเซิ่ลยูไนเต็ด ไปเล่นให้กับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ในเดือนมกราคม 1995 “สแตน เดอะแมน” เล่นได้อย่างเข้าขากับ ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ โดยทั้งสองคนช่วยกันยิงถล่มประตูคู่แข่งรวมเบ็ดเสร็จ 55 ประตูในซีซั่นเปิดตัวของเขา
ซึ่งงานนี้แฟนบอล หงส์แดงต่างยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ฝันหวานว่าความสำเร็จจะหวนคืนสู่แอนฟิลด์อีกครั้ง อย่างไรก็ตาม คอลลีมอร์เปลี่ยนจากลูกรักกลายเป็นลูกชังในยุคของรอย อีแวนส์ เมื่อจบซีซั่นที่สองของเขา และกลายเป็น ไมเคิ่ล โอเว่น ที่ก้าวขึ้นมาเป็นกองหน้าเบอร์ 1ของทีม
สุดท้าย คอลลีมอร์ โดนขายไปให้กับ แอสตันวิลล่าด้วยสนนราคา 7ล้านปอนด์ ในปี 1997 เบ็ดเสร็จแล้ว เจ้าตัวยิงไป 31 ประตูจากการเล่น 81 เกมในทุกรายการ ข่าวลิเวอร์พูล ล่าสุด
คล็อปป์ พยายามที่จะหานักเตะใหม่เพื่อมาทดแทน ซาดิโอ มาเน่
ทุ่มเงินหนัก ฌิบริล ซิสเซ่ 14.5ล้านปอนด์ ปี2004 สาวก “เดอะ ค็อป” กระดี๊กระด๊าอย่างมากตอนที่ กองหน้าจอมแฟชั่นเลือดเฟร้นช์ ย้ายจากโอแซร์ ซึ่งทำผลงานโหดมากๆ เมื่อซัดไป 30 ประตูในฤดูกาล 2003/2004 มาเล่นกับหงส์แดง ในซีซั่นถัดมา อย่างไรก็ตามอาการบาดเจ็บส่งผลให้ซิสเซ่ ไม่สามารถงัดฟอร์มเก่งออกมาได้
โดยยิงไปแค่ 5 ประตูจากการเล่น 25 เกมในฤดูกาลแรกของเขา กระนั้นเขาก็เป็นหนึ่งในขุนพลที่อาสายิงจุดโทษชนะ เอซีมิลาน คว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก หัวหอกดีกรีทีมชาติฝรั่งเศส ยังช่วยลิเวอร์พูล คว้าแชมป์เอฟเอคัพ ในฤดูกาลต่อมา หลังจากยิงประตูแรกให้กับทีมในเกมสุดดราม่า
ก่อนที่ “เดอะ เร้ดส์” จะชนะดวลจุดโทษเวสต์แฮมยูไนเต็ด กระนั้นซิสเซ่ โดนปล่อยไปเล่นแบบยืมตัวกับ โอลิมปิก มาร์กเซย ในปี2006 ก่อนที่จะโดนขายทิ้งแบบถาวรให้กับ “โอแอ็ม” ในปีถัดมา ปิดตำนานของเขากับลิเวอร์พูล อย่างรวดเร็ว เฟร์นานโด ตอร์เรส 20.2ล้านปอนด์ ปี2007
แม้ว่าจะล้มเหลวกับการคว้าโทรฟี่แชมป์ในช่วงระหว่างที่อยู่กับลิเวอร์พูล แต่ “เอล นินโญ่” คือหนึ่งในกองหน้าที่ดีที่สุดของหงส์แดง” ในยุคพรีเมียร์ลีกเลยก็ว่าได้ ตอร์เรสย้ายจากแอตเลติโกมาดริด มาเล่นในถิ่นแอนฟิลด์ พร้อมกับพกชื่อเสียงที่สุดโด่งดังในฐานะกองหน้าที่จบสกอร์ได้คมกริบอย่างมาก
และนักเตะก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเรื่องดังกล่าวไม่ใช่แค่ข่าวลือ เพราะเขาตะบันประตูสวยๆ ให้กับ “เดอะ เร้ดส์” มากมาย ในฤดูกาลแรก หัวหอกชาวสแปนิช ตะบันไป 33 ประตูในทุกรายการ โดยเป็น 24 ประตูในเกมลีกสูงสุดเมืองผู้ดี นอกจากนี้เขายังสร้างสถิติในพรีเมียร์ลีก
โดยเป็นนักเตะต่างชาติที่ยิงประตูได้มากที่สุดในซีซั่นเปิดตัวบนดินแดนผู้ดีตอร์เรส ได้รับเสียงโหวตติดทีมยอดเยี่ยมแห่งปีพีเอฟเอ ขณะเดียวกันเขายังมีชื่อลุ้นคว้ารางวัลนักเตะ และดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีด้วย แต่หลังจากกดไป 81 ประตูจากการเล่น 142เกม นักเตะเลือกที่จะร้องขอย้ายทีม โดยไปเล่นกับเชลซี ในเดือนมกราคม 2011 ด้วยค่าตัวมหาศาล 50ล้านปอนด์
ทุ่มเงินหนัก แอนดี้ แคร์โรลล์ 35ล้านปอนด์ ปี2011 หน้าเป้าร่างยักษ์ถูกดึงตัวมาเล่นเคียงข้าง หลุยส์ ซัวเรซเพื่อช่วยเติมเต็มการจากไปของตอร์เรส แต่ดูเหมือนว่าสิ่งที่ลิเวอร์พูล ปรารถนาจะถือว่าผิดพลาดมหันต์เลยก็ว่าได้ สำหรับซัวเรซ ต้องบอกว่าโดดเด่นสุดๆ หลังย้ายมาจากอาแจ็กซ์
สวนทางกับแคร์โรลล์ ที่ล้มเหลวกับการรับมือกับแรงกดดันในฐานะผู้เล่นที่ค่าตัวแพงที่สุดในเกาะอังกฤษ หลังย้ายมาจากนิวคาสเซิ่ลยูไนเต็ด แคร์โรลล์ยิงได้แค่ 2 ประตูในลีกจากการเล่นครึ่งซีซั่นแรกของเขา กระนั้นตลอดเวลาที่อยู่กับสโมสรนักเตะยิงได้แค่ 11 ประตูเท่านั้นในทุกรายการให้กับสโมสร
ฤดูกาล 2011/2012 ถือเป็นซีซั่นที่ดีที่สุดของเขากับลิเวอร์พูล โดยซัดไป 9ประตู และยังยิงประตูตีไข่แตกในเกมรอบชิงชนะเลิศศึกเอฟเอคัพ ที่แพ้เชลซี ดาวยิงเลือดผู้ดีโดยปล่อยไปเล่นแบบยืมตัวกับ เวสต์แฮมยูไนเต็ดในช่วงซัมเมอร์ซีซั่นถัดมา ก่อนจะย้ายไปเล่นแบบถาวรกับ “เดอะ แฮมเมอร์ส” จนกระทั่งถึงปี 2019
โมฮาเหม็ด ซาลาห์ 43.9ล้านปอนด์ ปี2017 หนึ่งในการเซ็นสัญญาที่ดีที่สุดของสโมสร และน่าจะเป็นนักเตะที่เก่งที่สุดตลอดกาลของลิเวอร์พูล ในยุคพรีเมียร์ลีก ก็ว่าได้ เพราะผลงานของ ซาลาห์ยืนยันเรื่องเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี การคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีพีเอฟเอ 2สมัย
นอกจากนี้ “บังโม” ยังตะบันประตูไปถึง 156 ลูกจาก 254 เกมที่เล่นให้กับ “หงส์แดง” ที่สำคัญเขาเป็นหนึ่งในคีย์แมนที่นำสโมสรคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก, พรีเมียร์ลีก, เอฟเอคัพ, คาราบาวคัพ และคลับเวิลด์คัพ นอกจากนี้ ซาลาห์ยังคว้ารางวัลดาวซัลโวสูงสุดประจำลีก 3 สมัยในซีซั่น 2017/2018, 2018/2019
ทุ่มเงินหนัก (ร่วมกับ ซาดิโอ มาเน่ และปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง), 2021/2022 (ร่วมกับ ซน ฮึง-มิน) ปัจจุบัน “คิง ออฟ อียิปต์” เหลือสัญญาในถิ่นแอนฟิลด์เพียงแค่ 1 ปีเท่านั้น และบรรดาสาวก “เดอะ ค็อป” ทั่วโลกยังคงต้องลุ้นว่าเจ้าตัวจะยอมขยายสัญญาออกไปหรือไม่ เติบโตด้วยลำแข้ง